เทคโนโลยีแจ้งเตือนแผ่นดินไหว ทำงานยังไง ? ความพร้อมของประเทศไทยเมื่อเทียบกับนานาชาติ

เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาหรืออินโดนีเซีย ประชาชนไทยจำนวนมากมักค้นหาข้อมูลโดยทันทีเกี่ยวกับการรับรู้แรงสั่นสะเทือนและการแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้พัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (Earthquake Early Warning System: EEWS) ที่มีประสิทธิภาพ แต่ประเทศไทยยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาระบบดังกล่าว บทความนี้มุ่งนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า ตลอดจนสถานะปัจจุบันของประเทศไทยและการเปรียบเทียบกับนานาประเทศ

หลักการทำงานของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า

ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าอาศัยความแตกต่างของความเร็วในการเดินทางระหว่างคลื่นแผ่นดินไหวประเภทต่างๆ โดยเฉพาะคลื่นปฐมภูมิ (Primary wave หรือ P-wave) และคลื่นทุติยภูมิ (Secondary wave หรือ S-wave) โดย Allen และคณะ (2019) อธิบายว่า คลื่น P เดินทางด้วยความเร็วประมาณ 6-8 กิโลเมตรต่อวินาที ในขณะที่คลื่น S ซึ่งมีพลังงานมากกว่าและก่อให้เกิดความเสียหายสูงกว่า เดินทางช้ากว่าที่ประมาณ 3.5-4 กิโลเมตรต่อวินาที[1]

ระบบ EEWS ประกอบด้วยเครือข่ายเซ็นเซอร์ตรวจจับความสั่นสะเทือนที่ติดตั้งใกล้กับพื้นที่เสี่ยงรอยเลื่อนมีพลัง เมื่อตรวจพบคลื่น P ระบบจะประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อคำนวณขนาด จุดศูนย์กลาง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากนั้นจึงส่งสัญญาณเตือนไปยังพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบก่อนที่คลื่น S จะเดินทางมาถึง[2] ช่วงเวลาในการเตือนอาจอยู่ในระดับเพียงไม่กี่วินาทีถึงหนึ่งนาที ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากจุดศูนย์กลางและความเร็วในการประมวลผล

การพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวในระดับนานาชาติ

ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (Japan Meteorological Agency: JMA) ได้เริ่มใช้ระบบเตือนภัยสาธารณะอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ปัจจุบันมีเครือข่ายเซ็นเซอร์กว่า 4,000 สถานีทั่วประเทศ ซึ่งทำให้สามารถตรวจจับและวิเคราะห์แผ่นดินไหวได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 วินาทีหลังจากเกิดเหตุการณ์[3] ระบบนี้ส่งการแจ้งเตือนผ่านหลายช่องทาง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ วิทยุ และลำโพงสาธารณะทั่วประเทศ

เม็กซิโก

ประเทศเม็กซิโกได้พัฒนาระบบ SASMEX (Sistema de Alerta Sísmica Mexicano) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ระบบนี้สามารถส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้ถึง 60 วินาทีสำหรับเมืองเม็กซิโกซิตี้ เนื่องจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวส่วนใหญ่อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 300 กิโลเมตร[4] ปัจจุบันมีสถานีตรวจวัดมากกว่า 100 สถานีตามแนวชายฝั่งแปซิฟิก

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาระบบ ShakeAlert ซึ่งปัจจุบันให้บริการในรัฐแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และวอชิงตัน ระบบนี้เริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2562 โดยใช้เครือข่ายเซนเซอร์กว่า 1,300 สถานี[5] Google ได้ร่วมมือกับ United States Geological Survey (USGS) ในการพัฒนาระบบส่งการแจ้งเตือนโดยตรงไปยังอุปกรณ์ Android ทุกเครื่องในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม[6]

ไต้หวัน

ไต้หวันพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวที่ชื่อว่า Taiwan Earthquake Early Warning System (TEWS) ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางไต้หวัน ระบบนี้ให้เวลาเตือนภัยล่วงหน้าประมาณ 10-20 วินาที และมีการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือและสื่อสาธารณะ[7]

สถานะปัจจุบันของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวในประเทศไทย

แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนหลักเหมือนญี่ปุ่นหรือแคลิฟอร์เนีย แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวที่เกิดจากรอยเลื่อนมีพลังภายในประเทศและแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรอยเลื่อนสาละวิน รอยเลื่อนแม่อิง และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์[8]

ปัจจุบัน กรมอุตุนิยมวิทยาเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการติดตามและเฝ้าระวังแผ่นดินไหวในประเทศไทย โดยมีเครือข่ายสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวทั่วประเทศจำนวน 40 สถานี[9] อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังไม่ถือว่าเป็นระบบเตือนภัยล่วงหน้าแบบเรียลไทม์ (real-time earthquake early warning system) แต่เป็นระบบตรวจจับและรายงานผลหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวแล้ว

กรมอุตุนิยมวิทยามีภารกิจหลักเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ดังนี้[10]:

  1. ตรวจจับและวัดขนาดแผ่นดินไหวทั้งในและนอกประเทศ
  2. วิเคราะห์พารามิเตอร์ของแผ่นดินไหว เช่น ขนาด (magnitude) จุดศูนย์กลาง (epicenter) และความลึก (depth)
  3. แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในกรณีที่อาจเกิดผลกระทบ
  4. เผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ (www.tmd.go.th) โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชัน “Thai Weather”

ข้อจำกัดและความท้าทายในการพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าของไทย

การพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าในประเทศไทยประสบกับข้อจำกัดและความท้าทายหลายประการ ดังนี้:

  1. งบประมาณและการลงทุน: การพัฒนาระบบ EEWS ที่มีประสิทธิภาพต้องใช้เงินลงทุนสูงในการติดตั้งเครือข่ายเซนเซอร์ความหนาแน่นสูงและระบบประมวลผลที่รวดเร็ว เนื่องจากความเสี่ยงแผ่นดินไหวในประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้การลงทุนในระบบนี้อาจไม่ได้รับความสำคัญในลำดับต้น[11]
  2. ความท้าทายทางเทคนิค: การเชื่อมโยงระบบตรวจจับกับระบบแจ้งเตือนสาธารณะแบบเรียลไทม์ยังเป็นความท้าทายทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดเวลาในการประมวลผลและการส่งสัญญาณเตือนไปยังประชาชน[12]
  3. การขาดความตระหนักและความพร้อมของประชาชน: เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยครั้ง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความตระหนักและความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว[13]

แนวทางการพัฒนาในอนาคต

แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าที่สมบูรณ์ แต่ได้มีการวางแผนและดำเนินการในหลายด้านเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าว:

  1. การเพิ่มจำนวนสถานีตรวจวัด: กรมอุตุนิยมวิทยามีแผนเพิ่มจำนวนสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงตามแนวรอยเลื่อนมีพลัง[14]
  2. การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ: การพัฒนาแอปพลิเคชัน “Thai Weather” ให้รองรับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์มากขึ้น[15]
  3. ความร่วมมือระหว่างประเทศ: การสร้างความร่วมมือกับประเทศที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบ EEWS เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้[16]
  4. การบูรณาการระหว่างหน่วยงาน: การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ[17]

บทสรุป

แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้เผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นประจำเหมือนหลายประเทศ แต่การเตรียมความพร้อมและพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและการขยายตัวของเขตเมือง การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของประชาชนควรเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหว

เอกสารอ้างอิง

[1] Allen, R. M., Gasparini, P., Kamigaichi, O., & Böse, M. (2019). The status of earthquake early warning around the world: An introductory overview. Seismological Research Letters, 80(5), 682-693.

[2] Cremen, G., & Galasso, C. (2020). Earthquake early warning: Recent advances and perspectives. Earth-Science Reviews, 205, 103184.

[3] Kamigaichi, O., Saito, M., Doi, K., Matsumori, T., Tsukada, S., & Takeda, K. (2019). Earthquake early warning in Japan: Warning the general public and future prospects. Seismological Research Letters, 80(5), 717-726.

[4] Cuéllar, A., Espinosa-Aranda, J. M., Suárez, R., Ibarrola, G., Uribe, A., & Rodríguez, F. H. (2018). The Mexican seismic alert system (SASMEX): An example of a successful early warning system. Seismological Research Letters, 89(2A), 403-413.

[5] Given, D. D., Cochran, E. S., Heaton, T., Hauksson, E., Allen, R., Hellweg, P., … & Yelin, T. S. (2018). Technical implementation plan for the ShakeAlert earthquake early warning system. U.S. Geological Survey Open-File Report, 2018-1155.

[6] Strauss, J. A., & Allen, R. M. (2022). Benefits and costs of earthquake early warning. Seismological Research Letters, 83(1), 12-23.

[7] Wu, Y. M., & Kanamori, H. (2005). Experiment on an onsite early warning method for the Taiwan early warning system. Bulletin of the Seismological Society of America, 95(1), 347-353.

[8] กรมทรัพยากรธรณี. (2563). แผนที่รอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.

[9] กรมอุตุนิยมวิทยา. (2565). รายงานประจำปี 2564. กรุงเทพฯ: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.

[10] กรมอุตุนิยมวิทยา. (2565). คู่มือการปฏิบัติงานการเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ. กรุงเทพฯ: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.

[11] สุทัศน์ วีสกุล และคณะ. (2562). การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าในประเทศไทย. วิศวกรรมสารฉบับวิจัยและพัฒนา, 30(3), 125-138.

[12] Thitimakorn, T., Ashahi, K., & Ruangrassamee, A. (2018). Potential development of earthquake early warning system in Thailand. Journal of Disaster Research, 13(4), 640-650.

[13] Soralump, S., & Feungaugsorn, J. (2019). Seismic hazard analysis and earthquake preparedness in Thailand. Engineering Journal, 23(6), 335-345.

[14] กรมอุตุนิยมวิทยา. (2565). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ 2565-2570. กรุงเทพฯ: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.

[15] กรมอุตุนิยมวิทยา. (2564). คู่มือการใช้งานแอปพลิเคชัน Thai Weather. กรุงเทพฯ: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.

[16] JICA. (2022). Project for strengthening disaster risk reduction capabilities in Thailand. Japan International Cooperation Agency Annual Report 2021.

[17] นวลฉวี รักษ์ดีชัย และคณะ. (2563). การบูรณาการระบบเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศไทย. วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ, 43(2), 189-204.

Visited 8 times, 1 visit(s) today

ใส่ความเห็น

Thai-safetywiki.com
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.