คุณกำลังเป็นโรคซึมเศร้าอยู่หรือไม่ ?

เรากำลังเป็นโรคซึมเศร้าอยู่หรือไม่?

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราคงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามาบ้างแล้ว แน่นอนว่าเราทุกคนเคยเศร้าและอาจกำลังสงสัยอยู่ว่าที่เรากำลังเป็นอยู่นี้เรียกว่าโรคซึมเศร้าหรือไม่ จากความเครียดในปัจจุบันทั้งในสังคมและในการทำงานนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ใครสักคนจะประสบปัญหาโรคซึมเศร้า แต่เราคือหนึ่งในคนที่กำลังป่วยอยู่หรือเปล่าล่ะ วันนี้เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคซึมเศร้าได้บ้าง

โรคซึมเศร้าคืออะไร

โรคซึมเศร้า เป็นอาการผิดปกติของอารมณ์และสารในสมอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม โรคซึมเศร้าเป็นภาวะอารมณ์เศร้าหมองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 1-2 วันและหายไป แต่ผู้ป่วยจะจมอยู่กับความรู้สึกเศร้าหรืออารมณ์ที่หมองหม่นยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ มีความรู้สึกเฉยชา ไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสามารถในการทำงานในแต่ละวันลดลง ซึ่งก่อให้เกิดอาการทางจิตได้มากมาย การดำเนินชีวิตตามปกติอาจทำได้อย่างยากลำบากหรือรู้สึกว่าชีวิตไร้ค่า อาจมีความคิดที่ทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้

สถิติของโรคซึมเศร้า

ปัจจุบันโลกของเรามีประชากรราว 7.6 พันล้านคน และมีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 300 ล้านคน หรือเกือบ 4% เลยทีเดียว

ส่วนในคนไทยเองนั้นพบว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน หรือ 2.2% ของคนไทยทั้งหมด 69 ล้านคน และน่าตกใจว่าคนไทยฆ่าตัวตายไปแล้วถึง 4,000 คนต่อปี ซึ่งสาเหตุสำคัญของการฆ่าตัวตายส่วนใหญ่ก็คือโรคซึมเศร้านั่นเอง

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

ปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับสาเหตุของโรคซึมเศร้านั้น เชื่อกันว่าสัมพันธ์กับหลายๆ ปัจจัย ทั้งจากด้านกรรมพันธุ์ การพลัดพรากจากพ่อแม่ในวัยเด็ก พัฒนาการของจิตใจ รวมถึงปัจจัยทางชีวภาพ เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในสมองบางตัว

  1. กรรมพันธุ์ พบว่ากรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องสูงในโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มีอาการเป็นซ้ำหลายๆ ครั้ง
  2. สารเคมีในสมอง พบว่าระบบสารเคมีในสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติอย่างชัดเจน โดยมีสารที่สำคัญได้แก่ ซีโรโทนิน (serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ลดต่ำลง รวมทั้งอาจมีความผิดปกติของเซลล์รับสื่อเคมีเหล่านี้ ปัจจุบันเชื่อว่าเป็นความบกพร่องในการควบคุมประสานงานร่วมกัน มากกว่าเป็นความผิดปกติที่ระบบใดระบบหนึ่ง ยาแก้ซึมเศร้าที่ใช้กันนั้นก็ออกฤทธิ์โดยการไปปรับสมดุลของระบบสารเคมีเหล่านี้
  3. ลักษณะนิสัย บางคนมีแนวคิดที่ทำให้ตนเองซึมเศร้า เช่น มองตนเองในแง่ลบ มองอดีตเห็นแต่ความบกพร่องของตนเอง หรือ มองโลกในแง่ร้าย เป็นต้น บุคคลเหล่านี้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เช่น ตกงาน หย่าร้าง ถูกทอดทิ้งก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการซึมเศร้าได้ง่าย ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมอาการอาจมากจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้

6 สัญญาณเตือนโรคซึมเศร้า

  1. อารมณ์ที่เปลี่ยนไป

ในวัยรุ่นอาจมีอาการที่หงุดหงิดง่ายผิดปกติ กิจกรรมบางอย่างที่เคยทำแล้วปกติอาจจะไม่อีกต่อไป มีอาการรอไม่ได้ หงุดหงิดง่ายหากโดนรบกวนหรือโดนเรียกจากที่ไม่เคยหงุดหงิดก็หงุดหงิดได้

  1. เก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร

สามารถสังเกตได้จากที่ก่อนหน้านี้อาจเป็นคนที่ออกไปพบเจอผู้คนหรือมีกิจกรรมที่ออกไปข้างนอกบ้าง แต่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มเก็บตัวอยู่แต่ห้องหรืออยู่แต่บ้านไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลานานๆ

  1. ผลการเรียนแย่ลง

ช่วงวัยของนักเรียนศึกษาที่กำลังเรียนอยู่อาการโรคซึมเศร้าอาจส่งผลต่อการเรียนได้เช่นกัน เนื่องจากขาดสมาธิในการเรียนไป สังเกตได้จากที่ผลการศึกษาอาจแย่ลงจากไปด้วย

  1. พฤติกรรมเสพติด

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเสพติดสารเสพติดแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ เกม โทรศัพท์ สื่อออนไลน์ การจดจ่อกับอะไรนานเกินไปจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยก็อาจเป็นจุดสังเกตได้ว่าเรากำลังเป็นโรคซึมเศร้าอยู่หรือไม่

  1. ทำร้ายตัวเอง

ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าพบว่าจะมีการคิดถึงเรื่องความตายหรือการทำร้ายร่างกายตนเอง ซึ่งหากเป็นแบบนั้นแล้วควรได้ปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

  1. อาการทางกายที่หาสาเหตุไม่ได้

อาจมีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง พอได้พบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เนื่องจากอาจมีสาเหตุมาจากอาการของโรคซึมเศร้า

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้หรือเปล่า

อาการซึมเศร้านั้นมีด้วยกันหลายระดับตั้งแต่น้อยๆ ที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ไปจนเริ่มมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และบางคนอาจเป็นถึงระดับของโรคซึมเศร้า อาการที่พบร่วมอาจเริ่มตั้งแต่รู้สึกเบื่อหน่าย ไปจนพบอาการต่างๆ มากมายได้แต่ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นโรคนี้หรือเปล่า

เครื่องมือที่เป็นแบบสอบถามภาวะอารมณ์เศร้า (Patient Health Questionnaire; PHQ9) เป็นแบบสอบถามทีใช้เพื่อช่วยในการประเมินว่าผู้ตอบมีมีภาวะซึมเศร้าหรือไม่ รุนแรงมากน้อยเพียงใด เป็นมากจนถึงระดับที่ไม่ควรจะปล่อยทิ้งไว้หรือไม่ แบบสอบถามนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร เพียงแต่ช่วยบอกว่าภาวะซึมเศร้าที่มีอยู่ในระดับไหนเท่านั้น ในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่นั้น ผู้ที่มีอารมณ์ซึมเศร้ายังต้องมีอาการที่เข้าตามเกณฑ์การวินิจฉัยของแพทย์อีกด้วย

แบบสอบถามภาวะอารมณ์เศร้า https://med.mahidol.ac.th/infographics/76

ข้อดีอย่างหนึ่งของแบบสอบถามนี้คือสามารถใช้ช่วยในการประเมินระดับความรุนแรงของอาการได้ ติดตามอาการดีขึ้นหรือเลวลง การรักษาได้ผลหรือไม่ ผู้ป่วยอาจทำและจดบันทึกไว้ทุก 1-2 สัปดาห์ โดยถ้าการรักษาได้ผลดีก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นโดยมีค่าคะแนนลดลงตามลำดับ

เกณฑ์การวินิจฉัย

มีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการหรือมากกว่า

  1. มีอารมณ์ซึมเศร้าแทบทั้งวัน
  2. ความสนใจหรือความเพลินใจในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงอย่างมากแทบทั้งวัน
  3. น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก หรือมีการเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมาก
  4. นอนไม่หลับ หรือหลับมากไป
  5. กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข หรือเชื่องช้าลง
  6. อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
  7. รู้สึกตนเองไร้ค่า
  8. สมาธิลดลง ใจลอย การตัดสินใจแย่ลง
  9. คิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย

“หากมีอาการเหล่านี้และเป็นอยู่นานเกิน 2 เดือนควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำหรือได้รับการรักษา”

คำที่ไม่ควรพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

ในบางครั้งที่เราต้องเป็นผู้รับฟังคำปรึกษาจากผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า เราอาจไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เราพยายามปลอบใจเขาบางทีมันอาจฟังดูเหมือนไปย้ำหรือซ้ำเติมแผลในใจของผู้ป่วยให้มากไปอีก การบอกว่าอย่าคิดมาก ในกรณีนี้แล้วถ้าผู้ป่วยเลือกได้เขาคงไม่อยากจะคิดมากเหมือนกัน เรามาดูกันว่ามีคำไหนบ้างที่เราไม่ควรพูดกับผู้ป่วยในโรคซึมเศร้า

สรุป

หลังจากที่เราอ่านมาแล้วหากพบว่าตัวเองเข้าข่ายการเป็นโรคซึมเศร้า ควรต้องพยายามระมัดระวังความคิดตัวเองและควบคุมความคิดตัวเองให้ดี หากิจกรรมทำพบกับผู้คนบ้างหรือออกกำลังกายแต่หากไม่สามารถทำได้และมีอาการซึมเศร้ามากๆ หรือยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์หรือสายด่วนโทร 1323

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.praram9.com/depression/

https://www.rama.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017

https://www.phyathai.com/

Visited 1 times, 1 visit(s) today

ใส่ความเห็น

Thai-safetywiki.com
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.