หากพูดถึงการทำงานบนที่สูงแล้วนั้น อุปกรณ์หลักอีกหนึ่งชนิดที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเข็มขัดนิรภัยแบบเต็มตัวเลยนั่นคือ “สายช่วยชีวิต หรือ Lanyard” นั่นเอง
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าสายช่วยชีวิตหรือLanyardชนิดไม่มีEnergy Absorber กับ ชนิดมีEnergy Absorberนั้นใช้งานต่างกันอย่างไร เพราะในบ้านเรายังมีการนำสายช่วยชีวิตไปใช้กันอย่างผิดวัตถุประสงค์ตามที่มาตรฐานแนะนำกันอยู่บ่อยครั้ง (อ้างอิงการใช้งานตามมาตรฐานEN 363 : Personal fall protection equipment – Personal fall protection systems)
สายช่วยชีวิต(Lanyard)ชนิดไม่มีEnergy Absorber
สายช่วยชีวิตประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบยับยั้งการตกหรือFall Restraint System เหตุผลเนื่องจากในระบบยับยั้งการตกนั้น จะต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิดการตกเกิดขึ้น สามารถทำได้โดยการจำกัดระยะทางของผู้ปฏิบัติงานดังรูปประกอบด้านล่าง จากภาพจะเห็นได้ว่าผู้ปฏิบัติงานจะไม่เกิดการตกเนื่องจากถูกสายช่วยชีวิตจำกัดระยะทางเอาไว้ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้Energy Absorberในการช่วยลดแรงกระชากเมื่อเกิดการตก การทำงานในลักษณะนี้จึงเหมาะกับสายช่วยชีวิต(Lanyard)ชนิดไม่มีEnergy Absorber
A : Anchor point
B : Full body harness or body holding device
C : lanyard
สายช่วยชีวิต(Lanyard)ชนิดมีEnergy Absorber
สายช่วยชีวิตประเภทนี้จะมาพร้อมEnergy Absorber เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบป้องกันการตกหรือFall Protection System เหตุผลเนื่องจากเมื่อเกิดการตกจากที่สูงสายช่วยชีวิตจะทำหน้าที่ในการเหนี่ยวรั้งตัวผู้ตกไม่ให้ตกลงสู่พื้นโดยมีอุปกรณ์ลดแรงกระชากหรือEnergy Absorberทำหน้าที่ในการช่วยลดแรงกระชากให้เหลือน้อยกว่า6kN(อ้างอิงตามมาตรฐานEN 355 : Personal protective equipment against falls from height – Energy absorbers) เพื่อให้ความปลอดภัยต่อผู้ตกนั่นเอง หากปราศจากอุปกรณ์ลดแรงกระชากแล้วนั้น แรงกระชากดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ตกให้ได้รับอันตรายร้ายแรงได้แม้จะไม่ตกถึงพื้นดินก็ตาม
A : Anchor point
B : Full body harness
C : Lanyard
D : Energy absorber
จะเกิดอะไรขึ้นหากนำสายช่วยชีวิต(Lanyard)ชนิดไม่มีEnergy Absorberไปใช้ในระบบป้องกันการตก
จากภาพเปรียบเทียบด้านล่างจะเห็นได้ว่า ฝั่งที่ไม่มีEnergy Absorberเมื่อเกิดการตกจะเกิดการดีดเด้งเนื่องจากแรงกระชากที่เกิดขึ้นสูงในลักษณะแบบไร้ทิศทาง ผลที่เกิดขึ้นผู้ตกจะได้รับแรงกระชากสูงซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมากและตัวหรือศีรษะของผู้ตกยังอาจจะกระแทกกับวัตถุที่อยู่บริเวณข้างเคียงด้วยความรุนแรงได้อีกเช่นกัน ในขณะที่ฝั่งที่มีEnergy Absorberจะทำหน้าที่ลดแรงกระชากให้เหลือน้อยกว่า6kN ซึ่งแรงกระชากที่เกิดกับผู้ตกจะอยู่ในระดับปลอดภัย เมื่อแรงกระชากที่เกิดชึ้นน้อยส่งผลให้การดีดเด้งแบบไร้ทิศทางจะลดน้อยลงอย่างมากด้วยเช่นกัน
ท้ายนี้ขอฝากถึงทุกท่านที่เกี่ยวข้องในการเลือกอุปกรณ์ป้องกันให้หน่วยงายของท่านได้ระมัดระวังในจุดนี้ด้วย เพราะหลายครั้งพบว่าในหน้างานที่มีพื้นที่ใต้ขาน้อย(ระยะFree Fall)มักจะเลือกใช้สายช่วยชีวิตชนิดไม่มีEnergy Absorberไปใช้งานอยู่บ่อยครั้ง หากไม่แน่ใจแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัยต่อบุคคลในหน่วยงานของท่านต่อไป
สนใจดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.pholonline.com/
สรุปมาให้ มาตรฐาน BIFMA กับการทดสอบถึงการใช้งานจริง
จดหมายจาก
เม.ย.
ปัญหานอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี
ปัญหาการนอ
ม.ค.
ออกกำลังกายได้ผลดี แค่มีพื้นฐานเรื่องโซนหัวใจ
หลายคนออกก
ต.ค.
อัพเดทรวม App ตรวจสอบ สถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุด
รวม App ตร
ก.ย.
ไวรัส RSV ภัยร้ายฤดูฝนที่ พ่อแม่มักสับสนว่าเป็นแค่ไข้หวัด
เมื่อถึงช่
ก.ย.
สายช่วยชีวิตชนิดม้วนสายเก็บอัตโนมัติ (Retractable Lanyard)
หากกล่าวถึ
เม.ย.