โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร คืออะไร มีอาการยังไง และป้องกันอย่างไร

ช่วงนี้เราคงได้ยินข่าว เรื่องฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานรที่พบการติดเชื้อมากขึ้นในหลายประเทศ แต่จริงๆแล้วโรคนี้มีมานานกว่า 10 ปี แล้วไม่ใช่โรคอุบัติใหม่แต่อย่างใด 

ฝีดาษลิงเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน พบมากในแถบ แอฟริกา พาหะของโรค คือ หนู สัตว์ฟันแทะ ตระกลูหนู เช่น กระรอก โดยส่วนมากพบผู้ติดเชื้อในต่างประเทศ มาจากการเลี้ยงสัตว์เเปลกๆ หรือเดินทางไปแอฟริกามาก่อน ส่วนใหญ่จะพบเชื้อในพื้นที่ห่างไกลในประเทศทางตอนกลางและตะวันตกของทวีปแอฟริกา ใกล้บริเวณที่เป็นป่าดิบชื้น โดยเกิดจากไวรัสสองสายพันธุ์หลักคือ แอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก

โดยเป็นเชื้อไวรัสกลุ่มพอกซ์วิริเด (Poxviridae) ซึ่งจัดอยู่ในจีนัสไวรัสออร์โธพอกซ์ (Orthopoxvirus) เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด เช่น ไวรัสวัคซิเนีย (vaccinia virus), ไวรัสฝีดาษวัว (cowpox virus), ไวรัสวาริโอลา (variola virus) เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษคน หรือไข้ทรพิษ

 

อาการของฝีดาษลิง

ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคหลังติดเชื้อประมาณ 12 วัน โดยอาการเบื้องต้นมีหลายอย่าง รวมถึง มีไข้, หนาวสั่น, ปวดหัว, เจ็บคอ, บวม, ปวดหลัง, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ,ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลียและซึมเซา และเมื่อไข้ทุเลาลง อาจเกิดผื่นขึ้น มักจะเริ่มจากบนใบหน้าก่อน จากนั้นจะลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ส่วนใหญ่จะพบที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ผื่นนี้อาจจะมีอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง และมีการเปลี่ยนแปลงหลายขั้น ก่อนที่ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา รอยโรคนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นตามมา

อาการป่วยกินเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ แต่จะมีบางรายที่พบอาการรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีโอกาสมีอารรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ฝีดาษลิง

ฝีดาษลิง2

การติดต่อ ของฝีดาษลิง

จะติดต่อจากการสัมผัสบาดแผล ฝีหนอง โดยตรง ผ่านรอยแตกของผิวหนัง เช่นทางเดินหายใจ ตา จมูก หรือปาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การติดต่อของฝีดาษลิง ถือว่าติดต่อได้ยากกว่าฝีดาษในคน ที่ติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจและสารคัดหลั่งของผู้ป่วย

 

รักษาอย่างไร

ขณะนี้ไม่มีวิธีรักษาฝีดาษลิง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วยการป้องกันการติดเชื้อ

การรับวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษในคน ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลถึง 85% ในการป้องกันฝีดาษลิง และก็ยังคงมีการใช้วัคซีนนี้เพื่อป้องกันอยู่ ซึ่งการได้รับวัคซีนอาจช่วยป้องกันโรคนี้ได้ หรืออาจทำให้มีความรุนแรงของโรคลดลง

การป้องกันโรคฝีดาษลิงคือการรักษาสุขอนามัย

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ ได้แก่สัตว์ฟันแทะ สัตว์ตระกูลลิง
  2. หากมีการสัมผัสให้รีบล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งจากบาดแผล เลือด น้ำเหลืองของสัตว์ หรือการกินเนื้อสัตว์ที่สามารถติดเชื้อได้ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ที่สงสัยว่าป่วย หรือมีประวัติเสี่ยง

 

สำหรับประเทศไทยเราน่ากลัวมั้ย

แม้ไทยยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง แต่เป็นช่วงที่เริ่มเปิดให้มีการเดินทางเข้าประเทศได้มากขึ้น และเป็นช่วงเตรียมการเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโรคโควิด 19 ดังนั้น อาจมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด หรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันตกได้ ทั้งในช่องทางการเข้า-ออกระหว่างประเทศ หรือผู้ที่เดินทางจากประเทศดังกล่าวไปในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ซึ่งการป้องกันไม่แตกต่างจากโควิดที่เรา โดยสุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ และหลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์แปลกจากต่างประเทศที่มีความเสี่ยงนะครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

mgronline.com  และ BBC NEWS

Visited 1 times, 1 visit(s) today

ใส่ความเห็น

Thai-safetywiki.com
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.